พิธา ก้าวไกล ช่วยน้ำท่วมชัยภูมิ แจงงบน้ำปีละ 3พันล้าน เมื่อ 28 ก.ย. 64 เวลา 0900 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หน.พรรคก้าวไกล, นางอรนุช ผลภิญโญ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 จ.ชัยภูมิ พรรคก้าวไกล, น.ส.นัฏฐิกา โล่วีระ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 จ.ชัยภูมิ พรรคก้าวไกล, นายกิติธัช คำวงษ์ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 6 จ.ชัยภูมิ พรรคก้าวไกล, น.ส.พิมพ์กานต์ ยศพิทักษ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 จ.ชัยภูมิ พรรคก้าวไกล
นายศุภากร คำประดิษฐ แกนนำเครือข่ายคณะราษฎรชัยภูมิ พร้อมผู้ติดตาม จำนวน 10 คน ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.ชัยภูมิ เพื่อพบปะ/รับทราบปัญหาของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย และมีการแจกสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ที่บ้านน้ำพุปางวัว หมู่ 8 ต./อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ และบ้านดงบัง หมู่ 1 ต.ดงบัง อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ทั้งนี้ คาดว่า เป็นการเปิดตัว นางอรนุชฯ ให้เป็นผู้แทน/ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 จ.ชัยภูมิ ในนามพรรคก้าวไกลด้วย
เวลา 1100 นายพิธา ฯ ได้กล่าวให้กำลังใจและกล่าวขอบคุณพี่น้องชาวอีสานที่ต้อนรับอย่างอบอุ่นและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ที่ตัวแทน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จ.ชัยภูมิ ทุกเขต พรรคก้าวไกล จะสามารถนำไปพัฒนาเป็นนโยบายและแนวทางในการแก้ไขปัญหาและพัฒนา
ส่วนวิธีการช่วยเหลือมีหลายรูปแบบ ทั้งการสมัครเป็นอาสาสมัคร, การโอนเงิน, การส่งของจำเป็น, การระดมความคิด ฯลฯ และหลายหน่วยงานภาคประชาชนที่กำลังเปิดรับความช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเป็นมูลนิธิคณะก้าวหน้า, กระจกเงา และมูลนิธิกู้ภัยในแต่ละจังหวัด
เพื่อช่วยเหลือเพื่อนร่วมชาติในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้แล้วเราจะผ่านไปด้วยกันไกลได้วิเคราะห์ถึงทางแก้ที่รอบด้านและยั่งยืนร่วมกับมาทำงาน หากจะจัดการไม่ให้เวลาแล้ง ต้องขนน้ำมาให้คน เวลาน้ำท่วม ต้องขนคนหนีน้ำ ต้องวางแผนการจัดการน้ำใหม่ทั้งระบบ ต้องไม่ทำให้น้ำเสียดุลหรือเสียน้อยที่สุด ต้องจัดการผังเมืองใหม่ทั้งหมด เพราะผังเมืองในปัจจุบันคือการสร้างเพื่อขวางทางไหลของน้ำ
และต้องดูแลพี่น้องประชาชน 3 ระยะ คือ 1.ระยะก่อนน้ำท่วม ต้องมีการขุดลอกคูคลองให้น้ำระบายออกได้ไวที่สุด 2.ระยะระหว่างน้ำท่วม ประชาชนจะต้องได้รับอาหารน้ำดื่มเครื่องอำนวยความสะดวกอย่างรวดเร็วและทันที 3.ระยะหลังน้ำท่วม ต้องมีการเยียวยาความเสียหายให้กับพื้นที่ทางที่อยู่อาศัยพื้นที่ทางการเกษตรกรรมให้คลอบคลุม
เวลา 1100 – 1500 น.ส.พิมพ์กานต์ฯ ได้ชี้แจงงบประมาณการจัดการน้ำท่วมของจังหวัดชัยภูมิจังหวัดเดียว ปีล่าสุดกว่า 3,000 ล้านบาท อยากให้พี่น้องประชาชนช่วยกันจับตาการใช้เงินตรงนี้ให้มากที่สุดว่าได้ถูกใช้ไปเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างครบระบบและรอบด้าน ซึ่งถ้าหาก นายพิธา ฯ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีปัญหาน้ำเสียแบบนี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน
จากนั้นได้เดินทางไป ชุมชนบ้านบ่อแก้ว ต.ทุ่งพระ อ.คอนสารฯ เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน ที่ได้รับความช่วยเหลือจากการทวงคืนผืนป่า เขตป่าสงวนแห่งชาติภูซำผักหนาม พร้อมทั้งมอบผักปลอดสารพิษ เกษตรอินทรีย์ ให้กับคณะผู้ติดตาม
เวลา 1500 ยุติการพบปะฯ/เหตุการณ์ทั่วไปปกติ
